ปัจจัยที่ควรคำนึงในการปรับปรุงและให้แสงสว่างของศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า

LED และการใช้งานแสงสว่างของศูนย์การค้าแต่ละแห่ง                                                         

            ทั้งนี้ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าควรมีการปรับปรุงการให้แสงสว่างภายศูนย์การค้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มยอดขายและถือเป็นการปรับปรุงทัศนียภาพภายในห้างสรรพสินค้าให้มีความแปลกตาสามารถดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด ซึ่งในการปรับปรุงการให้แสงสว่างนี้ควรคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ดังนี้ 

            1.  การออกแบบและการตกแต่งภายใน เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าศูนย์การค้าแต่ละแห่งจะต้องมีการตกแต่งภายในที่แตกต่างกัน ซึ่งการตกแต่งภายในนี้จะมีผลโดยตรงต่อบรรยากาศภายในห้างสรรพสินค้าหรือศูนย์การค้า  เนื่องจากเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้รู้สึกถึงความสว่างและความมืดภายในอาคารอย่างแท้จริง โดยสิ่งที่ทำให้ทราบความสว่างและมืดนี้มีหลายประการ อาทิเช่น การสะท้อนของพื้นผิวหรือวัตถุอื่นๆที่อยู่ภายในห้างสรรพสินค้า สีของพื้น ผนัง หรือฝ้าเพดาน ที่ถูกตกแต่งภายในห้างสรรพสินค้า โดยทั่วไปแล้วจะนิยมใช้สีขาวาหรือสีอ่อนในการตกแต่งห้างสรรพสินค้า นอกจากนี้ยังรวมไปถึงองค์ประกอบของการตกแต่งอื่น ๆ เช่น ป้ายโฆษณา ชั้นวางสินค้า หรือตู้ใส่สินค้า เป็นต้น

            2.  พื้นที่จัดวางและจัดจำหน่ายสินค้าทั่วไป เป็นบริเวณพื้นที่ที่จะถูกใช้งานในการวางขายสินค้าต่างๆ และพื้นที่ที่ใช้ในส่วนต่างๆ เช่น ทางเดิน ห้องน้ำ หรือบริเวณส่วนอื่นๆภายในห้างสรรพสินค้า ซึ่งระดับความส่องสว่างภายในศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากลของ IES1 CIE2 และ CIBSE3 ที่กำหนดให้ภายในศูนย์การค้าจะต้องมีค่าความสว่างเท่ากับ 500 ลักซ์ โดยจะต้องคำนึงทั้งการส่องสว่างบนระนาบนอน (Horizontal Lighting) ระนาบตั้ง (Vertical Lighting) 

3.  พื้นที่ที่จัดแสดงและใช้ทดลองสินค้า เป็นบริเวณพื้นที่ที่ต้องการเน้นสินค้าเพื่อให้เกิดความน่าสนใจ และเกิดจุดเด่น สามารถดึงดูดความสนใจของลูกค้า โดยบริเวณพื้นที่ที่จัดแสดงและทดลองสินค้านี้จะต้องใช้แสงมากกว่าบริเวณอื่นๆเพื่อให้ลูกค้าที่เดินภายในศูนย์การค้ารู้สึกสะดุดตาและสนใจสินค้าให้แสงสว่างมากกว่าพื้นที่ทั่วไป  ทั้งนี้แสงสว่างที่ส่องบริเวณพื้นที่จัดแสดงทดลองสินค้า ถึงแม้จะมีปริมาณแสงสว่างที่มาก แต่แสงสว่างนี้จะไม่ก่อให้เกิดภาวะแสงบาดตาอย่างแน่นอน
                                                                
            4.  อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าในศูนย์การค้าจะแบ่งออกเป็นส่วนที่จัดวางสินค้าทั่วไปเพื่อจัดจำหน่าย และส่วนที่จัดแสดงสินค้าเพื่อนำมาทดลองการใช้งาน โดยในส่วนของการทดลองการใช้งานนี้จะต้องมีความส่องสว่างต่ำกว่าส่วนแสดงสินค้า  เนื่องจากในส่วนของการทดลองนี้ลูกค้าจะต้องใช้สายตาในการมองสินค้าอย่างละเอียดถี่ถ้วนว่าสินค้าประเภทนี้มีรายละเอียด และรูปแบบการใช้งานตรงตามความต้องการหรือไม่ เพราะฉะนั้นแสงจากโคมดาวน์ไลท์ LED ในส่วนนี้จะต้องมีค่าความถูกต้องและแสงสว่างที่ถูกต้องแม่นยำ ไม่มีความสว่างมากหรือน้อยจนเกินไป เพราะอาจก่อให้เกิดภาวะแสงบาดตาได้ ซึ่งการจัดแสดงทดลองสินค้านี้มักพบตามแผนกเครื่องสำอาง แต่เนื่องจากศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้านั้นจะมีการจัดจำหน่ายสินค้าหลากหลายรูปแบบและหลากหลายชนิด ดังนั้นการใช้หลอดไฟดาวน์ไลท์ภายในศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า ควรใช้โคมดาวน์ไลท์ LEDที่ให้แสงสว่างอยู่ในช่วงของแสงขาวคือเป็นโคมดาวน์ไลท์ LED ที่มีค่าความเข้มของแสงตั้งแต่ 3300-5300 เคลวิน และมีควรมีค่าความถูกต้องของสีหรือค่า CRI มากกว่า 80

5.  ระดับความส่องสว่าง เป็นตัวแปรในการปรับปรุงการสว่างแสงที่ควรคำนึงตั้งแต่การออกแบบแสง เนื่องจากพื้นที่ภายในห้างสรรพสินค้าย่อมมีขนาดใหญ่ และอาจมีพื้นที่ที่มีความต้องการในการใช้แสงที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนการสร้างศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้า ควรมีการออกแบบ เพื่อให้ส่วนต่างๆภายในศูนย์การาค้ามีการใช้งานแสงที่ถูกต้องตรงตามที่กฎกระทรวงกำหนด เพื่อความปลอดภัยของลูกค้า พนักงาน หรือบุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีความต้องการที่จะมาเดินศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้า  
             เมื่อทราบถึงขั้นตอนและรูปแบบในการปรับปรุงแสงสว่างของโคมดาวน์ไลท์ LED PHILIPSภายในศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าแล้ว ห้างสรรพสินค้าก็ควรมีการปรับรูปแบบแสงสว่างอย่างน้อยหกเดือนต่อครั้ง เพื่อถือเป็นการตรวจเช็คสภาพของแสง ตรวจเช็คสภาพของอุปกรณ์ว่ามีส่วนไหนที่เสียหายต้องรีบซ่อมแซมหรือไม่ ทั้งนี้การปรับปรุงคุณภาพแสงสว่างของโคมดาวน์ไลท์ LEDภายในห้างสรรพสินค้า ยังช่วยให้ศูนย์การค้าต่างๆสามารถปรับรูปแบบของห้างทำให้เกิดความแปลกตา และทำให้ลูกค้ามีความรู้สึกแปลกใหม่ ไม่จำเจ อยากจะมาเดินห้างและมาซื้อของเพิ่มมากขึ้น