ข้อควรทราบก่อนใช้ดาวน์ไลท์

       ระบบแสงสว่างภายในบ้านมีความสำคัญต่อระบบไฟฟ้า เพราะอุปกรณ์มีให้เลือกหลายรูปแบบมาก ๆ โดยเฉพาะคนที่ตกแต่งห้องในสไตล์ต่าง ๆ ต้องค้นหาโคมไฟตั้งพื้น โคมไฟตั้งโต๊ะ หรือโคมไฟแขวนที่เข้ากับห้อง หรือไม่ก็ต้องใช้ดาวน์ไลท์เพื่อลดปัญหาในการเลือกเฟอร์นิเจอร์ได้ยากการเลือกแสงสว่างอย่างดาวน์ไลท์ควรทำความรู้จักและเข้าใจเกี่ยวกับระบบนี้กันก่อน เพื่อการตัดสินใจที่ถูกต้องสำหรับผู้ใช้มากที่สุด

1.       ขนาดพื้นที่ : การติดตั้งดาวน์ไลท์ควรเผื่อระยะห่างกับเพดานใต้ฝ้าประมาณ 10-15 เซนติเมตร เพื่อการระบายความร้อนที่ดี ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานของหลอด หากรวมกับความสูงของโคมดาวน์ไลท์ด้วย ความสูงของห้องจะลดลงมากกว่า 20 เซนติเมตร (ขึ้นกับความสูงของโคมดาวน์ไลท์) หากห้องของคุณเพดานต่ำเกินไป อุปกรณ์แสงสว่างชนิดนี้คงไม่เหมาะ สามารถเลือกใช้โคมซาลาเปาเป็นตัวเลือกอีกทางหนึ่ง

1.       ค่าใช้จ่ายสูง : การติดตั้งดาวน์ไลท์นั้นมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เนื่องจากต้องมีการเดินระบบสายไฟให้ทั่วถึง การคำนวณว่าในหนึ่งห้องจะใช้ดาวน์ไลท์เท่าไหร่ เพราะต้องเจาะฝ้าให้มีระยะที่แน่นอน หากคำนวณผิดพลาด จะทำให้เกิดการเสียเวลาและเสียเงิน การป้องกันที่ดีคือการเลือกชนิดของหลอดไฟและโคมที่แน่นอน ยกตัวอย่างระยะห่างที่ใช้ติดตั้งดวงโคมโดยทั่วไป เช่น กำหนดให้โคมขนาด 4” ในห้องสูง 2.50 เมตร เท่ากันหรือ

             -  ห้องนอน ที่ใช้ หลอดไส้ 80 W. เว้นระยะห่าง 1.50 เมตร

             -  ห้องทำงาน ที่ใช้ หลอดตะเกียบ(แสงขาว) 36 W. เว้นระยะห่าง  0.80 เมตร

             -  ห้องนั่งเล่น ที่ใช้ หลอดตะเกียบ(แสงเหลือง) 36 W. เว้นระยะห่าง  1.00 เมตร

*สำหรับห้องที่มีความชื้นสูงและมีโอกาสโดนน้ำบ่อยอย่างห้องน้ำควรเลือกใช้โคมไฟดาวน์ไลท์แบบที่มีครอบกระจกปิดกันไฟฟ้าช็อต*

     หรือเลือกใช้หลอดไฟ LED ทดแทนกันได้ ซึ่งในปัจจุบันโคมดาวน์ไลท์ที่เป็นชุดมักมาพร้อมหลอดชนิด LED ที่มีให้เลือกซื้อ หรือ สามารถปรึกษาพนักงานขายก่อนตัดสินใจซื้อ หากใช้หลอด LED สามารถช่วยประหยัดค่าไฟใด้ในอนาคต และเหมาะกับผู้ใช้ที่ชอบปรับปริมาณความสว่างเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศห้อง

     ทั้งสองข้อที่กล่ายกมาข้างต้นนี้ คือข้อด้อยของดาวน์ไลท์ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้โคมไฟหรือหลอดไฟอื่นๆ ล้วนเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและยืดอายุการใช้งานในการใช้ดาวน์ไลท์ เพิ่มมากขึ้น