ความสำคัญของค่า CRI

                สีและแสงถือเป็นสิ่งสำคัญในงานสถาปัตยกรรมและการดำรงชีวิตประจำวันถือเป็นเรื่องใกล้ตัว สำหรับคนที่อาศัยอยู่ภายในอาคารและภายนอกอาคาร ซึ่งแสงแต่ละประเภทก็จะให้คุณภาพสีที่แตกต่างกัน โดยคุณภาพสีจริงของวัสดุหรือวัตถุที่ปรากฏขึ้นจะมาจากแหล่งกำเนิดแสง ทำให้กระทบต่อความรู้สึกและการรับรู้ โดยเฉพาะในพิพิธภัณฑ์หรือแกลเลอรีแสดงภาพเขียนเก่าที่แทบจะไม่เห็นสีของภาพ หรืออาจจะเป็นการใช้โคมดาวน์ไลท์ติดลอย ในอาคารหรือตามห้องนอน และ ห้องต่างๆ ที่ต้องใช้แสงในการทำกิจกรรม ดังนั้นการเลือกคุณสมบัติของแหล่งกำเนิดแสงก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การมองเห็นสีน้ำเงินเข้มและเขียวเป็นสีจริงแทนที่จะมองเห็นเป็นสีดำหรือเทา โดยจะปรากฏสีแดงเรื่อออกมา ซึ่งนอกจากสีจะมีผลต่อความรู้สึกในการรับรู้แล้ว ก็ยังมีผลต่อการเก็บรวบรวมความทรงจำ เพราะหากเรามีประสบการณ์การเห็นที่ดีก็จะทำให้เรามีความทรงจำที่ดีเช่นกัน

                โดยทั่วไปเราจะแบ่งแสงที่ออกจากวัตถุได้ออกเป็น 2 สี หากเป็นแสงที่มีค่าต่ำ จะบ่งบอกว่าเป็นสีโทนอุ่น  เช่น 2700K 3000K หากมีค่าสูงกว่า เช่น 4500K 6500K จะบ่งบอกว่าเป็นสีโทนเย็น มีหน่วยเป็น K ย่อมาจากเคลวิน (Kelvin) ซึ่งหมายถึงอุณหภูมิสีของแสง

                นอกจากนี้หากคุณเคยสังเกตว่าดาวน์ไลท์ห้องนอน ของยี่ห้อหนึ่งจะทำให้คุณภาพแสงที่ตกกระทบบนใบหน้าของยี่ห้อหนึ่ง ดูดีกว่าแสงที่ออกจากโคมดาวน์ไลท์ LED อีกยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าราคาของแสงทั้ง 2 ยี่ห้อก็จะแตกต่างกันตามคุณภาพที่ได้ด้วย ซึ่งคุณสมบัตินี้ก็คือดัชนีความถูกต้องของสี หรือ Color Rendering Index (CRI) หรือ RA เป็นตัวชี้วัดคุณภาพของแสงอีกอย่างหนึ่ง อธิบายอย่างง่ายๆว่า แหล่งกำเนิดแสงนั้นสามารถส่องวัตถุ ให้ปรากฏสีที่ถูกต้องใกล้เคียงกับสีจริงของมันเพียงใด ค่าที่ดีที่สุด คือ RA 100 หมายถึง ค่ายิ่งสูงยิ่งดี ตัวอย่างเช่น โคมไฟดาวน์ไลท์สี่เหลี่ยม มีค่า CRI สูงถึง 100 เหมาะกับการใช้ส่องวัตถุที่ต้องการเน้นความสำคัญของสี ให้ถูกต้องเป็นอันดับต้นๆ เช่น บนโต๊ะเครื่องแป้งที่ใช้สำหรับแต่งหน้า สีที่ได้จากแสงถือเป็นสิ่งสำคัญเพราะจะทำให้เราสามารถมองสีที่ชัดเจนและเป็นธรรมชาติ

                เพราะฉะนั้นนักออกแบบจะสามารถหาแสงสว่างที่เหมาะสมกับชิ้นงานได้ดีกว่าผู้บริโภค ส่วนผู้ผลิตก็จะสามารถหาแนวทางในการผลิตที่ให้ผลออกมาได้อย่างสมดุลตามความต้องการของตลาด ส่วนนักวิจัยนั้นก็จะมีมาตรฐานการอ้างอิงในการทำงานวิจัย ทำให้แวดวงแสงสว่างพัฒนาขึ้นตามความต้องการของมนุษย์ ดังนั้นในปัจจุบันจากที่เราติดโคมดาวน์ไลท์ 6 นิ้ว แล้วมีค่าCRI 70 80 ในอนาคตอาจมีค่าแสงCRI 90 100 ทำให้เราสามารถเห็นแสงของวัตถุได้ชัดเจนไม่ผิดเพี้ยนมาขึ้น